
ประวัติความเป็นมาของ "#ทองคำของโลก"
ตามสัญญาครับ เรื่องนี้สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสมาคมลับแห่งเอเชียที่เป็นเรื่องเล่าขานนะครับ ราวปี 2013 ผมมีโอกาสได้พบกับบุคคลท่านนึง เป็นคนไทยทีเป็นลูกหลานของเสด็จพ่อร.5 ของเรานี่ล่ะครับ จากที่ติดตามพี่ท่านนึงไปคุยงานเกี่ยวกับเรื่องพันธบัตรยูโรฯ เลยมีโอกาสได้สนทนากัน คุยกันไปมาก็รู้ว่าเค้าทำงานเคลื่อนไหวร่วมกับ "คราก้อนแฟมิลี่" อยู่ด้วย เลยได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่เคยอ่านมาจากข้อความต่างมิติและแหล่งที่เกี่ยวข้องกันครับ กับแผนการณ์ในระยะยาวที่ดำเนินการกันอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะบทบาทที่เกี่ยวกับทองคำ และการปฎิรูประบบการเงินโลก รวมทั้งสิ่งดีๆที่กำลังมีการตระเตรียมไว้สำหรับเปลื่ยนแปลงเหล่านี้ด้วย ท่านนี้รู้แผนการและมีรายละเอียดเชิงปฎิบัติงานด้วยครับ ซึ่งเหมือนตอกย้ำและทำให้ผมเชื่อมั่นถึงอนาคตที่ดีของโลกชัดเจนขึ้น ไม่ใช่จากการอ่านจากอินเตอร์เนทเท่านั้น และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เหล่านี้ อาจช่วยให้เราเข้าใจถึงการเชื่อมต่อของเหตุการณ์ที่สำคัญเท่าที่ผมจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้นะครับ
"ดรากอนแฟมิลี่" ในความเป็นจริงก็คือองค์กรที่ดำเนินการระหว่างครอบครัวเก่าแก่ภายในประเทศจีนและไต้หวัน เหนือความแตกแยกทางการเมืองของทั้งสองรัฐบาล พวกเค้าทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ที่ดีของโลกในการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับขององค์กรการเงินระดับโลกโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีคณะกรรมการ 300 คน พวกเค้าได้สะสมความมั่งคั่งยิ่งใหญ่มายาวนาน และในทศวรรษที่ผ่านองค์กรของดรากอนแฟมิลี่ ซึ่งได้ดำเนินการด้วยความพยายามที่จะมีส่วนร่วมในสินทรัพย์เหล่านั้น เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือผู้คนนับพันๆล้านด้านมนุษยธรรม หลังจากที่มองเห็นการเอาเปรียบมากมายที่เกิดขึ้นของระบบการเงินโลกเก่าเช่นที่ผ่านมา
ดรากอนแฟมิลี่ มีประวัติอันยาวนานทีเดียวครับ ถ้าจะเริ่มไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็เริ่มมาตั้งแต่ในช่วงสงครามกลางเมืองจีนนู่นเลยครับ (ค.ศ. 1927-1950) ในช่วงมีการสู้รบกันระหว่าง"พรรคก๊กมินตั๋ง"ภายใต้การนำของเจียงไคเชค และ "พรรคปกครองสาธารณรัฐจีน" ซึ่งลงเอยด้วยการแตกออกเป็นสองประเทศ คือ สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน กับสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่ ทองคำถูกแย่งชิง และในที่สุดมันได้กลายเป็นสมบัติของชาติ โดยเฉพาะทางฝั่งของ "ก๊กมินตั๋ง" (ที่มาของกลุ่มดราก้อนแฟมิลี่) พวกเขาได้ขนเอาสมบัติเหล่านั้นกลับไป "ไต้หวัน" มากมายมหาศาล นี่คือสมบัติของจักรวรรดิโบราณของจีน ไต้หวัน เป็นประเทศเล็กก็จริง แต่ก็มีอำนาจทางเศรษฐกิจสูงมาก นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ประเทศจีนดูเหมือนจะพยายามที่จะเอากลับคืนมา
มาถึงในข่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ในปี 1938)
ขณะนั้น...จีน..ถูกญี่ปุ่นรุกรานและเข้ายึดครอง กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามายึดทองคำจากทาง "ก๊กมินตั๋ง" นำไปเก็บไว้ยังประเทศญี่ปุ่นและยังนำไปซุกซ่อนไว้ที่ประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและไทย ส่วนทางจีนก็ได้รวบรวมทองคำทั้งหมดของประเทศ และมองหาแหล่งซุกซ่อนที่ปลอดภัย...ทางอิลิทของสหรัฐ เข้ามาเสนอให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นทองคำ ทั้งหมดจึงถูกขนย้ายลงเรือของนาวีสหรัฐรวม 6 ลำส่งไปยังสหรัฐอย่างปลอดภัย ..องค์กรอาชญากรรม US Federal Reserve ได้ให้สัญญาที่จะคืนทองคำทั้งหมดให้จีนภายใน 60 ปี และได้มอบพันธบัตรให้จีนถือเป็นหลักประกันสำหรับทองคำเหล่านี้
แต่เอาเข้าจริงๆทองคำเหล่านั้น พวกเขากลับแอบอ้างสิทธิ พวกเขาปลอมแปลงเอกสารเพื่อบอกว่าพวกเขามีสิทธิในทรัพย์สินเหล่านั้น
การควบคุมระดับโลกของธนาคารตะวันตกในปัจจุบัน สามารถตรวจสอบกลับไปยังครอบครัว Rothschild ในการครอบงำธนาคารระหว่างประเทศในช่วงปีแรกของศตวรรษที่ 19 ด้วยกลยุทธ์ระยะยาวของธนาคารที่ได้รับการควบคุมและการจัดหาทองคำทั่วโลกเพื่อรักษาอำนาจ ผ่านการควบคุมของสกุลเงินทั่วโลก และหลักประกันของตน "ทองคำและหนี้" ที่เป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้ ได้มีการจัดตั้งธนาคารระหว่างประเทศในกรุงบาเซิล สวิตเซอร์ เพื่อควบคุมธนาคารกลางทั้งหมดของประเทศ G7 ทองถูกบันทึกลงในบัญชีกับสหภาพธนาคารของสวิส (UBS) "เขาจึงเป็นผู้ควบคุมกฎทองโลก"และเป็นการนำเอาดอลล่าร์อิงกับมาตรฐานทองคำ ตามมาด้วยข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1944 และการก่อตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ด้วยระบบเงินกระดาษที่ซ้ำซ้อน ทำให้สกุลเงินทั้งโลกได้ถูกตรึงไว้กับทองคำและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ได้รับอำนาจในการที่จะเข้าไปแทรกแซงได้ทันที เมื่อเกิดความไม่สมดุลของการชำระเงิน หรือหนี้ที่เกิดขึ้น ไปจนถึงวงการอุตสาหกรรม การทหาร การควบคุมและการขโมยทรัพยากรไปจากโลก ด้วยความสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง
ราวยุค 60's ในช่วงของ "เคนเนดี้" เขาเป็นคนดีและใสซื่อมาก เขาต้องการจะเปลี่ยนโลกใบนี้ เขาตกลงที่จะทำงานร่วมกับประเทศที่ต้องการสันติภาพ และหาแนวทางที่จะสิ้นสุดสงครามเย็น และเพื่อจะหาเงินทุนในการพัฒนาของทวีปแอฟริกาและเอเชีย "ซูการ์โน" แห่งอินโดนิเซีย Controller (M1) ที่กำลังจะร่วมมือกับเคเนดี้ โดยนำทองคำเหล่ามั้นออกมาใช้ประโยชน์กับโลก ในปี 1963 ประธานาธิบดีจอห์นเอฟ เคนเนดี้ ได้ลงนามในสัญญากับประธานาธิบดีซูการ์โน เพื่อให้เงินที่จะช่วยให้กรมธนารักษ์ของอเมริกาพิมพ์สกุลเงินของตัวเอง ซึ่งมันเป็นการบ่อนทำลาย "สิทธิ" ในการพิมพ์สกุลเงินที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจากนั้น ทั้งเขาและซูการ์โนก็โดนเก็บ....แหล่งข่าวของเพนตากอน บอกว่ารองประธานาธิบดี จอนสัน มีส่วนในการที่ เคเนดี้ถูกฆ่า เพราะเคเนดี้ จะปิด Federal Reserve เพื่อสิ้นสุดของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และผลประโยชน์อื่นๆของพวกเค้า
และในวันที่ 15 สิงหาคม 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศว่า สหรัฐอเมริกาจะไม่แปลงดอลลาร์เป็นทองคำในราคาคงที่อีกต่อไป ดังนั้นดอลล่าร์จึงละทิ้งมาตรฐานทองคำนับแต่วันนั้น และพิมพ์เงินขึ้นมาจากอากาศโดยไม่มีทองคำหนุนหลีงได้ตามอำเภอใจ
ในท้ายยุค 70's ต่อ 80's มีการรับรองสถานภาพของรัฐบาลเหมาเจอตุงโดยรัฐบาลสหรัฐ ...ปธน. นิกสันได้เยือนจีนและมีการชักชวนเข้าสู่การค้าโลกตั้งแต่ตอนนั้น ..รัฐบาลเหมาต้องการให้สหรัฐคืนทองคำที่เก็บไว้ตั้งแต่ปี 1938 แต่รัฐบาลนิกสันยืนยันว่ายังไม่ครบเวลา 60 ปีที่กำหนด แต่ก็มีการคืนให้บางส่วน
จนล่วงเลยมาถึงปี 1998 ทางจีนพยายามทวงทองคำทั้งหมดคืน และได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯและกล่าวว่า "ขอให้ส่งมอบทองคำของเรากลับคืน เพราะครบกำหนด 60 ปีแล้วตามสัญญา" สมาคมลับแห่งเอเชียดรากอนแฟมิลี่ ต้องการทองคำของพวกเขากลับ โดยรัฐบาลสหรัฐแพ้ และถูกคำสั่งศาลให้ส่งมอบทองคำคืนแก่จีนกำหนดในวันที่ 12 กันยายน 2001 แต่ขั้นตอนวิธีการการส่งมอบทองคืนนั้น อยู่ในการดำเนินการของ Cantor Fitzgerald Securities ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้า มีออฟฟิสอยู่ที่ World Trade Center ตึกฝั่งเหนือ โดยที่ทองคำทั้งหมดที่จะส่งมอบอยู่ชั้นใต้ดินของอาคารเดียวกันนั้น แต่ทางสมาคมลับของตะวันตกกลับขนทองคำหลบหนีไป และระเบิดตึกเวิลด์เทรดทิ้งเพื่อจะไม่ส่งทองคำกลับ
เหตุการณ์ 9/11 ที่ World Trade Center ...พนักงานทั้งหมด 600 คนของ Cantor Fitzgerald Securities ซึ่งทำงานอยู่ในวันนั้นตายหมด ทองคำที่อยู่ชั้นใต้ดินทั้งหมดหายลึกลับ ไม่มีใครรู้ ...มีหลายทฤษฎีที่พูดถึงว่าทองถูกขนทางรถไฟไปแคลิฟอร์เนีย แล้วต่อทางเรือเพื่อส่งไปซุกซ่อนที่ Paraguay
ในปี 2009 นักธุรกิจญี่ปุ่น 2 คนถูกจับขณะข้ามแดนจากอิตาลีไปยังสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีพันธบัตรสหรัฐ $1.5 พันล้าน ที่ออกโดยกระทรวงการคลังสหรัฐในปี 1934 ...ไม่มีการสรุปว่าพันธบัตรนี้แท้หรือปลอมแปลง กระทรวงการคลังสหรัฐปฏิเสธที่จะตรวจสอบพันธบัตรนี้ หรือแม้แต่จะออกความเห็น นักธุรกิจทั้งสองถูกรัฐบาลอิตาลีปล่อยตัว และหายตัวไปในที่สุด ..พันธบัตรนั้น ไม่ว่าจะแท้หรือไม่ มันได้ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐยึดเอาไป ทำให้มีผู้นำเรื่องฟ้องสู่ศาล US Federal Court หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ..แต่คดีเหล่านี้ถูกดองเรื่องไว้ ซึ่งมีความจริงค่อยๆถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆสู่สาธารณะ ในช่วงหลายปีมานี้
ดรากอนแฟมิลี่ เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะจริงๆในช่วงในปี 2009 ในคดีที่กลายเป็นข่าวดังโด่งดังเกิดขึ้น มีบอนด์จำนวนมากหายไปจากอมริกา ซึ่งมันเป็นสินทรัพย์ของ Dragon Family ซึ่งในตอนนั้นนาย นีล คีนัน ได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนของกลุ่ม Dragon Family ในการติดตามตราสารที่ถูกขโมยไป เพื่อการตัดสินลงโทษและชำระค่าใช้จ่ายในหลายศาล พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทุจริต การละเมิดสัญญาและละเมิดกฎหมายต่างประเทศ รวมทั้งการการออกหมายจับ Federal Reserve ตามกฎหมาย เหตุการณนั้นทำให้ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจว่าใครกันหนอที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์มากมายถึงขนาดนี้
สรุปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นขุดอุโมงค์ เก็บทอง ที่ อินโด ไทย ฟิลิปปินส์ รวมกว่าสองล้านตัน รวมทั้งการขนทองหลบหนีออกมาจากอเมริกา และนำมาซ่อนไว้ในแถบนี้ด้วย เราได้รับการบอกกล่าวเกี่ยวกับทองทั้งหมดที่เคยขุดค้นในประวัติศาสตร์ว่า มันมีขนาดที่พอดีกับหนึ่งหรือสองสระว่ายน้ำโอลิมปิกเท่านั้น ...
แต่มันเป็นเรื่องโกหก ที่จริงแล้วมันมีมากกว่า 9 หรือ 10 เท่าในตลาดที่มีการซื้อขายอย่างเป็นทางการเสียอีก ส่วนใหญ่ของทองที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก มันจะที่ถูกลบออกจากตลาด และถูกขึ้นบัญชีดำ มันถุกซุกซ่อนอยู่ในถ้ำ หรือฝังอยู่ในเรือจมที่ด้านล่างของมหาสมุทร ทองคำจำนวนมากจากทั่วโลกเหล่านี้ รวมทั้งของเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกษัตรย์โซโลมอน ที่เคยอยู่ในอังกฤษ ก็ถูกสเปนขโมยและนำมาซ่อนไว้ตามเกาะแก่งต่างๆในฟิลิปปินส์ มันเป็นทองที่จดทะเบียนขึ้นบัญชีดำกว่า 85 % ของโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ในเอเชีย
ทุกอย่างในฉากหลังกำลังดำเนินไป ดังนั้นจึงมีทองคำจำนวนมากที่อาจทำให้เรากลับมาอยู่บนมาตรฐานทองคำที่เป็นสกุลเงินที่ผูกติดอยู่กับสิ่งที่มีค่าที่แท้จริง สมาคมลับแห่งเอเชียดรากอนแฟมิลี่ (5 Dragons) ร่วมกับราชวงศ์ในเอเชียและยุโรป (7 Crowns) ต่างกำลังร่วมมือกันที่จะเปลื่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นในขณะนี้ครับ
เรื่องราวของคุณปู่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมลับแห่งเอเชีย Dragon Family ที่เสมือนเป็นจักพรรดิ์ที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองประเทศจีนตามกฎหมาย ท่านเป็นจักรรพรรดิ์มังกรฟ้าห้านิ้ว (THE EMPEROR’S FIVE TOED CELESTIAL DRAGON) ในปัจจุบัน ท่านเป็นผู้อาวุโสกที่ถือธงนำและการตัดสินใจสำหรับเรื่องที่สำคัญเหล่านี้
ทองคำหลายล้านเมตริกตันและสินทรัพย์จำนวนมหาศาลดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้สำหรับบัญชีหลักประกันทั่วโลก ( Global Collateral Accounts)เพื่อให้เกิดโลกาภิวัตน์ขึ้นบนโลก ซึ่งการกระทำนี้ จะทำให้เงินดอลลาร์ใหม่ของสหรัฐและของโลกมีทองคำและสินทรัพย์หนุนหลังทั้งหมด และสามารถที่จะยุบธนาคารกลางสหรัฐฯ และเงินดอลล่าร์ที่ไร้ค่าของ FED ออกไปในที่สุด ทุกประเทศจะเป็นอิสระทางระบบการเงินที่เอารัดเอาเปรียบ และจะ WIN WIN ด้วยกันทุกๆฝ่าย เพื่อโลกที่ดีกว่าของมนุษย์ ด้วยความเมตตาของคุณปู่ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในฉากทางการเมือง การเงินและวิธีการที่ดำเนินการในหลายประเทศเพื่อปลดปล่อยโลกจากการปกครองแบบเผด็จการทางการเงิน
ในวันนี้สหประชาชาติยังได้เชิญตัวแทนของ Dragon Family เพื่อหารือเรื่องการเงิน เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่และบัญชีหลักประกันทั่วโลกออกมา ด้วยกฎทอง “He who has the gold makes the rules”ที่จะช่วยบรรเทาภาระของความยากจนข้นแค้นในทุกที่ รวมทั้งให้ระงับการฉีดพ่น chemtrail,และการแพร่สารพิษในสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอาหาร อาวุธ การฉีดวัคซีนและจีเอ็มโอ เป็นต้น เงินทุนก็จะถูกนำไปช่วยเหลือคนเร่ร่อน การจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม น้ำดื่มที่สะอาด อาหารปลอดภัย และการดูแลทหารผ่านศึก สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้เกิดขึ้น และโครงการขนาดใหญ่ที่มีประโยชน์ทั่วทั้งโลก
เรื่องเหล่านี้เราแทบจะไม่สามารถพบได้ในสื่อกระแสหลักนะครับ ดังนั้นผมก็พยายามศึกษาและรวบรวมเนื้อหาให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ จริงๆเรื่องมันยาวและมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มาก ไล่ลงไปจนถึงเรื่องเหตุที่เรือไทนานิคล่มเลยครับ แต่ทุกท่านก็น่าจะพอเห็นภาพแล้วนะครับ อาจมีตกหล่นไปบ้างไมว่ากันนะครับ จริงมีเรื่องทองคำของไทยที่เข้าไปเกียวข้องอยู่ด้วยแต่ผมขอละเอาไว้ เพื่อความมั่นคงของชาติแล้วกันนะครับ เอาเป็นว่า ทุกอย่างกำลังไปได้สวยครับ นี่คือการดำเนินการที่ซับซ้อนที่จะนำเราไปจุดที่เราจะได้มีอนาคตที่ดีดังเช่นเพลง IMAGINE ของ จอนน์ เลนนอนกล่าวไว้
พันธมิตรระหว่างประเทศที่กว้างใหญ่หลายร้อยประเทศ ตอนนี้ต่างก็มีกฎหมายเพื่อจะยุติการปกครองแบบเผด็จการของการเงินระเบียบโลกเก่า ที่น่าจะพร้อมกันแล้วครับ อดใจรอที่จะได้เห็นความเปลื่ยนแปลงขนาดใหญ่บนโลกเราด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะนานเกินรอแล้วครับ
โปรดใช้จักรยานในการอ่านเช่นเคยนะครับ Mead
แหล่งข้อมูล
http://globalslaves.blogspot.com/…/trillion-dollar-lawsuit-…
http://neilkeenan.com/history-events-timeline/
มีอีกข้อมูลนีงที่น่าสนใจมาก ซี่งข้อเท็จจริงนั้นบอกไว้ว่า....
มีทองคำจำนวนหนึ่งล้านเมตริกตันในประเทศไทย ที่ทางรัฐบาลไทยได้มีการประสานงานกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ราจิบ นาซัค และ นางเจเน็ต แยลเลน เป็นการทำธุรกรรมโดยตรงกับกระทรวงการคลังสหรัฐ และธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ เมื่อหลายปีก่อน สินทรัพย์ดังกล่าวนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้เป็นบัญชีหลักประกันของโลก ( Global Collateral Accounts)เพื่อให้เกิดโลกาภิวัตน์ขึ้นบนโลก
และการกระทำนี้จะทำให้เงินดอลลาร์สกุลใหม่สหรัฐมีทองคำหนุนหลัง และสามารถลบเงินดอลล่าร์ของ FED ที่กำลังจะกลายเป็นเศษกระดาษออกไปในที่สุด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในฉากทางการเมือง การเงินและวิธีการที่ดำเนินการในหลายประเทศเพื่อปลดปล่อยโลกจากการปกครองแบบเผด็จการทางการเงิน
นีล ดีนัน ซี่งเป็นทางตัวแทนของ Gragon Family ได้เข้ามาเสนอให้ไทยหยุดดีล การขายทองหนึ่งล้านตันนั้นซะก่อน เพราะเงินจากดีลนี้จะไปเข้า fedreal reserve และ bank of England ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นพวก Cabal เขาจึงพยายามพลักดันให้เอาดีลนี้ มาผ่านตรง US treasury หรือกระทรางการคลัง US โดยไม่ให้คอมมิชชั่น กับพวกนักการเมือง หรือ นักการธนาคารแล้ว อันนี้จะทำให้ เงินดอลล่าร์สกลุลอเมริกัน มีทองคำหนุนหลังทันที
UN สหประชาชาติยังได้ เชิญ นีล คีแนน ซึ่งเป็นตัวแทนของ Dragon Family เพื่อหารือเรื่องการเงิน เทคโนโลยีใหม่และบัญชีหลักประกันทั่วโลก ด้วยกฎทอง “He who has the gold makes the rules”
ที่จะช่วยบรรเทาภาระของความยากจนข้นแค้นในทุกที่
นี่คือการดำเนินการต่อยที่ซับซ้อนได้นำเราไปที่ที่เรามีวันนี้ - ที่เป็นพันธมิตรระหว่างประเทศที่กว้างใหญ่ของ 117 ประเทศตอนนี้มีทางกฎหมายเพื่อยุติการปกครองแบบเผด็จการทางการเงินของระเบียบโลกเก่า รวมทั้งให้ระงับการฉีดพ่น chemtrail,และการแพร่สารพิษในสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอาหาร อาวุธ การฉีดวัคซีนและจีเอ็มโอ เป็นต้น
เงินทุนก็จะถูกนำไปช่วยเหลือคนเร่ร่อนและในการจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมสม น้ำดื่มที่สะอาด อาหารปลอดภัย และการดูแลทหารผ่านศึก เขาจะเรียกร้องสหประชาชาติในการสร้างภูมิคุ้มกันทั่วโลก ซึ่งทรัมป์จะช่วยสนับสนุนในสถานการณ์เช่นนี้ ...

ข้อมูลจากประวัติศาสตร์ FED นำพาสหรัฐอเมริกาเข้าสู่มาตรฐานทองคำ และการออกจากมาตรฐานทองคำ
ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เกิดช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (สงครามโลกครั้งที่ 1) ประชาชนหวาดกลัวการเก็บกักตุนทองคำไว้กับตัว ที่ไม่สามารถป้องกันหรือรับกระกันความปลอดภัยได้
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของภาครัฐ คือการขยายปริมาณเงิน และการเพิ่มปริมาณทองคำที่ถือครองโดย Federal Reserve ที่จะเพิ่มอำนาจในการขยายปริมาณเงิน
ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1933 รูสเวลต์ ต้องการให้ทุกคนส่งมอบเหรียญทองคำทองคำแท่งและใบรับรองทองคำที่เป็นของพวกเขาให้แก่ Federal Reserve ภายในวันที่ 1 พฤษภาคมในราคาที่กำหนดไว้ที่ $ 20.67 ต่อออนซ์ ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม สองเดือนต่อมาสภาคองเกรสมีมติร่วมกันเพื่อยกเลิกข้อผูกพันของรัฐและเอกชนจำนวนมาก
ในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1933 สหรัฐอเมริกาได้สร้างมาตรฐานทองคำเข้าสู่ระบบการเงิน ทำให้สกุลเงินดอลล่าร์ได้รับการสนับสนุนด้วยทองคำเมื่อสภาคองเกรสมีมติร่วมกันที่จะยกเลิกสิทธิ์ของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องให้ชำระเงินด้วยทองคำแท้ สหรัฐอเมริกาเข้ามาอยู่ในมาตรฐานทองคำจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1971
ในวันที่ 15 สิงหาคม 1971
ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศว่า สหรัฐอเมริกาจะไม่แปลงดอลลาร์เป็นทองคำในราคาคงที่อีกต่อไป ดังนั้นดอลล่าร์จึงละทิ้งมาตรฐานทองคำนับแต่วันนั้น และพิมพ์เงินขึ้นมาจากอากาศโดยไม่มีทองคำหนุนหลีงได้ตามอำเภอใจ
ในปี 1974 ประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ได้ลงนามในกฎหมายที่อนุญาตให้ชาวอเมริกันป็นเจ้าของทองคำแท่งได้อีกครั้ง.... https://www.history.com/this-day-in-history/fdr-takes-united-states-off-gold-standard?fbclid=IwAR2gstJ2VH4RAcqB7AEBP0WS3gXh7ajG6W9OJ9j9lwpoRw5f36mox0Ck2qU

ที่มา: Mead Nations