ทวีสุข ธรรมศักดิ์ 24/06/2019
........................................................................................
This is the crisis. The greatest crisis in the history of mankind.
วันนี้โลกเดินเลยคำว่า.....การถดถอยทางเศรษฐกิจ ไปสู่...การถดถอยในอัตราเร่ง...แล้ว
ท่านที่ทำธุรกิจก็คงทราบดีแล้วว่า....เกิดอะไรขึ้นจากยอดขายหรือยอดสั่งซื้อ
เงินดอลล่าร์กำลังสูญเสีย ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจึงมีผลทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
เงินดอลล่าร์....มี 3 สิ่งที่หนุนหลังอยู่คือ - การซื้อขายน้ำมันเป็นเงินดอลล่าร์ - กองทัพสหรัฐ - ทุนสำรองระหว่างประเทศ
การ Disruption ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่นำโดยประเทศจีน ที่จะเปลี่ยนรถยนต์ในประเทศเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2030 และตามมาด้วยประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย สิงค์โปร์ และอีกหลายประเทศ ทำให้ความต้องการการใช้น้ำมันจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การใช้เงินดอลล่าร์ในการซื้อขายจะน้อยลงไปเรื่อยๆในอีก 10 ปีข้างหน้า
กองทัพสหรัฐ กำลังถดถอยในทุกสมรภูมิ ขนาดเอาเครื่องบิน บินไปให้เค้ายิงตก ยังไม่กล้าจะตอบโต้กลับ จะเห็นได้ว่า..เงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงทันที
ทุนสำรองระหว่างประเทศ
เงินดอลล่าร์ถูกวางไว้ให้เป็นตัวกลางในการค้าขายคือ การเปิด LC จึงต้องใช้เงินดอลล่าร์ในการนำมาสำรอง และเงินดอลล่าร์คือการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ต้องมี ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ทำหน้าที่รับฝากและนำมาแปลงเป็นเงินท้องถิ่น
จึงมีคำว่า... Fund Flow เพื่อเข้ามาลงทุน ผ่านการกู้ยืม ตราสารหนี้ ตลาดหุ้น การประกันค่าเงิน ตราสารอนุพันธ์ ลงทุนใน Real Sector และอื่นๆ
เมื่อเงินดอลล่าร์ที่พิมพ์เข้ามาในปริมาณมหาศาลในระบบกำลังเสื่อมค่าลง สินทรัพย์ที่คงมูลค่าให้กับโลกมา กว่า 5,000 ปี คือ..ทองคำ
ก็กลับมาตอบ...เรื่อง...ความมั่นคงอีกครั้งหนึ่ง
จากภาพที่ 1 เมื่อเทียบเงินดอล่าร์ที่พิมพ์ออกมา..กับ..Global M1 Money Supply จะเป็นดังในรูปภาพ
ดังนั้นมูลค่าทองคำที่แท้จริงเมื่อเทียบกับ Global M1 Money Supply จะมีมูลค่าคือ $8,265 ต่อทรอยออนส์
ย้ำ...มูลค่าแท้จริงคือ...$8,265
และเงินดอลล่าร์คือ..ฐานการเงิน..ในการสร้าง Debt Complexity ทั่วโลก
จากรูปที่ 2 จะเห็นได้ว่า ปริมาณ Debt ทั่วโลกมีปริมาณ
250 ล้านล้านเหรียญ ตลาดทุนทั่วโลกมี Market Cap อยู่ประมาณ 80 ล้านล้าน
คือ...Debt คือตัวหนุนหลังตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนรายใหญ่, เจ้าของกิจการ, Private account ,Hedge Fund ทั่วโลก จะเอาหุ้นไปขอกู้เงิน และเอาหุ้นไปค้ำประกันเงินกู้ ทุกอย่างผูกกันเป็น Debt Complexity
เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เท่ากับว่า สินทรัพย์หลักประกันก็เพิ่มขึ้นก็คือ....การขยายเพดานเงินกู้โดยอัตโนมัติ
การผูกกันของ Equity และ Debt เป็น Debt Complexity Dynamic จะไม่เกิดปัญหาถ้า - ตลาดหุ้นไปลดลงจนถึง...การเรียกหลักประกัน - อัตราดอกเบี้ยไม่ขึ้นจนรับมือไม่ได้ - รายได้หรือยอดขายไม่ตก
แต่ถ้า 2 กับ 3 เกิดขึ้นพร้อมกัน จะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลงจนมีผลต่อสินทรัพย์หลักประกัน จากการสร้างมูลค่าหุ้นผ่านการสร้าง Balance Sheet ด้วยการสร้าง Debt Complexity Dynamic
เมื่อถึงจุดนั้นจะทำให้เกิดการ...พังทะลายของ ตลาดหุ้นครั้งใหญ่ทั่วโลก เพราะ โลกการเงินได้เอา สินทรัพย์ทางการเงิน ทั้ง - Equity - Debt - Derivative - Property - Interest rate - FX
ผูกกัน เป็น Multi Asset Complexity Dynamic ผูกเชื่อมโยงกันทั้งโลกและเคลื่อนไหวโดยการคำนวน บน Artificial Intelligent และส่งคำสั่งทั่วโลก แบบ Real Time
จากภาพที่ 2 จะเห็นว่า หนี้ทั่วโลกมีปริมาณมหาศาลถึง
$250 ล้านล้าน คิดง่ายๆ.....ถ้าดอกเบี้ย 1% เราจะจ่ายดอกเบี้ย $2.5 ล้านล้าน 2% เราจะจ่ายดอกเบี้ย $5 ล้านล้าน 3% เราจะจ่ายดอกเบี้ย $7.5 ล้านล้าน
ขณะที่ GDP ของโลกมีมูลค่า $80 ล้านล้าน
โต 4% จะมี มูลค่า $3.2 ล้านล้าน โต 3% จะมี มูค่า $ 2.4 ล้านล้าน
ลองเทียบกันดูเอง
โลกมาถึงจุดไหน?????? - มาถึงจุดที่เรียกว่า.... ต้องสร้างหนี้ใหม่...เพื่อ...มาจ่ายดอกเบี้ย...มาพักใหญ่แล้ว
ถ้าหากตลาดหุ้นทรุดตัวลง...เมื่อไร - ระบบ Banking System ทั่วโลก จะพังทะลายลงจากภาวะ credit crunch ไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยระหว่าง ธนาคารหรือ Libor อย่างรวดเร็วและขึ้นแบบก้าวกระโดดชั่วข้ามคืน และ...NPL ในธนาคารรวมกันการ default ของตราสารหนี้ จะทำให้สถาบันการเงินล้มเป็นโดมิโนทั่วโลก ยังไม่รวมปัญหาจาก ตราสารอนุพันธ์ ที่มีมากประมาณ 12 เท่าของ GDP โลก
ดังนั้น...เมื่อถึงจุดนั้นมี 2 ทางเลือกคือ - ปล่อยให้ธนาคารล้มจากการ mark to market ของสินทรัพย์ใน Balance Sheet แบบปี 2008 (ส่วนตัวมองว่า 2008 คือการทดสอบระบบและผลกระทบ และการแก้ปัญหา) หรือ - ปิดตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และ ตลาดอนุพันธ์ ทั่วโลกชั่วคราวประมาณ 3-6 ปี
นี่คือ...วิกฤติที่ใหญ่ที่สุด...เท่าที่มนุษยชาติเคยเจอมา ยังไม่รวมเรื่อง - Politic และ - Innovation Transformation
เพราะ..... This is the crisis. The greatest crisis in the history of mankind.
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
ปล. ข้อมูลทุกอย่างเกิดจากการจินตนาการและหลับฝันไป ไม่สามารถนำมาอ้างอิงใดๆได้ และเวลาก็อปรบกวนเอาไปให้หมด ใครก็อปเป็นของตัวเอง...ขอสาบแช่ง เดี๋ยวกลายเป็นของ CEO Bank อีก ปวดตับ



ที่มา: ทวีสุข ธรรมศักดิ์
#วิกฤตเศรษฐกิจ