ธรรมะเชิงประวัติศาสตร์ นิยามของวัฏจักร การสร้างใหม่แล้วทุบทิ้ง เป็นวงกลมไปเรื่อยๆ
ความลำบากจริงๆไม่มีหรอก
ความสุขสบายจริงๆก็ไม่มีหรอก
ก็มีเพียงแค่ความไม่เข้าใจโลกเท่านั้นเอง
ที่ทำให้ต้องลำบาก..ใจ..
วัฏ แปลว่า วงกลม วัฏสงสาร แปลว่า วงกลมที่น่าสงสาร
ผู้ที่ตกอยู่ในวัฏสงสาร แปลว่า ผู้ที่ตกอยู่ในวงกลมที่น่าสงสาร คือวงกลมของการเป็นทาส ความรู้เท่าทันแล้วรู้จักวางอุเบกขาคือนิ่งเฉย เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการออกจากวงกลมของการเป็นทาส
ความร่ำรวยที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึง การมีเงินมาก เพราะถึงรวยอย่างไร คุณก็ไม่มีทางรวยกว่าคนที่มีอำนาจในการพิมพ์เงินได้ อย่างแน่นอน ออกจากความโง่งมงาย ออกจากความหลงว่าตนเองฉลาด กับของพวกนี้ได้แล้ว
สติปัญญาที่รู้เท่าทันอาการของโลกธรรมที่เกิดแก่ตนต่างหาก ที่จะสามารถสร้างความร่ำรวยที่แท้จริงให้คุณได้ นั้นคือ อริยทรัพย์ เป็นทรัพย์เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้คุณสุขสบายข้ามภพข้ามชาติได้ รู้อย่างนี้แล้วก็พึงตัดสินใจ ลด ละ เลิก ความทะเยอทะยานอยาก ความเสียเวลา ความเกินพอดี ในสิ่งที่ไม่ได้นำพาความร่ำรวยที่แท้จริงมาให้คุณได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

6. สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร?
"ถ้าหากว่าไข่ถูกทำให้แตกจากภายนอก ชีวิตจะตาย ถ้าไข่แตกจากการถูกกระเทาะจากข้างใน ชีวิตจะเริ่มต้น ทุกส่ิงทุกอย่างที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากข้างในทั้งนั้น" Jim Kwik
มาถึงสมัยของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ขึ้นมาครองอำนาจต่อจากเหมา เจ๋อตุงระหว่างปี 1978-1989 จีนเผชิญกับความจำเป็นที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงคร้ังใหญ่ ประเด็นคือการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นแรงกระแทกจากภายนอกหรือเป็นแรงกระเทาะจากภายใน
ถ้าจีนถูกสหรัฐบีบให้เปิดประเทศจากมหาอำนาจตะวันตกเหมือนในอดีต และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับที่ต่างชาติกำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวด จีนจะเดินทางไปสู่หายนะอีกรอบ เพราะว่าต้องเล่นตามเกมตะวันตก
แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากแรงผลักดันภายในจีนเอง เพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อวันข้างหน้าที่ประเทศชาติจะหลุดจากความตกต่ำและมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าขึ้น โดยที่เกมยังอยู่ในมือจีน จีนก็จะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกอีกคร้ัง เพราะว่าจีนเป็นอารยะธรรมเก่าแก่5,000ปี และมีศักยภาพทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประชากร ทั้งปริมาณและคุณภาพรวมกัน
เพียงแต่ที่ผ่านมาจีนพลาดท่า ถูกรุกราน ถูกย่ำยี โดยที่ระบบภายในไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอที่จะต้านทานพลังจากภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้รุกรานจากอังกฤษ ชาติตะวันตกอื่นๆหรือญี่ปุ่นที่ต้องการเข้ามาแบ่งเค๊กขนมจีน
อย่างที่ได้กล่าวในตอนที่แล้ว ตามกรอบความคิดของเฮนรี่ คิสซิงเจอร์และนักยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศของสหรัฐ สหรัฐต้องการสร้างสังคมนิยมจีนให้เป็นทุนนิยม ด้วยการใช้จีนเป็นฐานผลิต โดยย้ายโรงงานมาผลิตในจีนแล้วส่งออกอีกต่อหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้บริษัทอเมริกันและบริษัทข้ามชาติ เพราะแรงงานจีนถูกกว่าแรงงานในประเทศตะวันตกไม่รู้กี่10เท่า
นอกจากนี้ การลงทุนของสหรัฐในจีนจะทำให้จีนออกห่างจากรัสเซีย และต้องเปิดประเทศให้กว้างขึ้นในขณะเดียวกันต้องปฏิรูปโครงสร้างภายใน หรือกฎหมาย กฎระเบียบทุกอย่างเพื่อรองรับการดำรงอยู่อย่างถูกกฎหมายของบริษัทต่างชาติ การทำธุรกิจ การนำเข้าส่งออก รวมท้ังเรื่องเงินลงทุนผ่านระบบแบงกิ้ง การลงทุนของจากต่างชาติ ที่สำคัญเมื่อจีนได้ดอลล่าร์จากการส่งออกแล้ว จีนจะต้องรีไซเกิ้ลดอลล่าร์กลับไปยังสหรัฐเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อให้สหรัฐสามารถสร้างดีมานด์เทียมสำหรับดอลล่าร์ และจะได้ใช้จ่ายเกินตัวต่อไป
เมื่อจีนพัฒนาถึงจุดที่ชนชั้นกลางมีการขยายตัว สินค้าของบริษัทอเมริกันและบริษัทข้ามชาติจะขายในตลาดจีนเอง ทำให้ธุรกิจยิ่งจะเจริญเติบโตต่อไป เมื่อจีนโตได้ระดับหนึ่ง จะถูกกดดันให้เปิดเสรีระบบเศรษฐกิจและการเงินอย่างเต็มที่ให้วอลล์สตรีทที่จะเข้ามาควบคุมระบบเศรษฐกิจจีน พร้อมกับส่งออกประชาธิปไตย แนวความคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพเข้่าไปให้คนจีนรุ่นใหม่ได้เสพ
เนื่องจากสหรัฐเป็นเจ้าของดอลล่าร์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลก เงินหยวน รวมท้ังทุกเงินสกุลในโลกจึงเป็นเพียงเงินบริวารของดอลล่าร์ที่อยู่ฐานะได้เปรียบจะทำลายค่าเงินของประเทศใดก็ได้ในสงครามการเงิน เพราะว่าธนาคารกลางของสหรัฐสามารถพิมพ์ดอลล่าร์ได้ไม่มีเพดาน ในขณะที่เงินทุกสกุลอื่นต้องมีดอลล่าร์ หรือทองคำเป็นรีเสิร์ฟเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเงินสกุลของตัวเอง
หรือถ้าจีนหือมาก สหรัฐอาจจะยกพลขึ้นบกที่ใดในจีนก็ได้ เนื่องจากแสนยานุภาพทางทหารเทียบกันไม่ได้ (ในตอนนั้น) เพราะสหรัฐมีนิวเคลียร์ที่บอมบ์ญี่ปุ่นจนราบคาบเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว
ในกรณีของจีน การเปลี่ยนแปลงมาจากทั้งการเคาะประตูกำแพงเมืองจีน และการที่จีนยอมเปิดประตูที่ต้องกระทำการอย่างรอบคอบ มิเช่นนั้นประเทศจะมุ่งสู่หายนะเมื่อเวลาผ่านไป และรัฐบาลไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆในประเทศที่เกิดจากอิทธิพลจากภายนอกได้
จีนยอมเปิดประตูต้อนรับการลงทุนจากสหรัฐและต่างชาติ ด้วยการยอมขายแรงงาน ยอมเหนื่อย ยอมเสียเหงื่อเพื่อแลกกับค่าแรงจิ๊บจ๊อย แต่มีข้อแม้ว่ารัฐบาลขอเอี่ยวด้วย คือขอร่วมลงทุน จะด้วยหุ้นลม หรือหุ้นจริงก็ว่ากันไป แต่ที่สำคัญเทคโนโลยีการผลิตต้องกางออกมาบโต๊ะเพื่อแบ่งปันให้่คนจีนได้เรียนรู้ เมื่อบริษัทต่างชาติมีผลประกอบการที่ได้กำไร ก็ช่วยขึ้นค่าแรงด้วย คนจีนจะได้มีกำลังซื้อเพ่ิมขึ้น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน หรือสร้างชนชั้นกลางจากเดิมทีที่มีแต่ชนชั้ชาวนากรรมกร หรือพนักงานรัฐเป็นหลัก เพราะว่าธุรกิจจีนยังถูกห้ามในระบบสังคมนิยม
เติ้งเป็นผู้ที่ปรับเปลี่ยนระบบจีนจากระบบสังคมนิยมที่เคร่งครัดให้มีการผสมผสานกันระหว่างสังคมนิยมกับทุนนิยมให้อยู่ร่วมกัน เปิดทางให้จีนในเวลาต่อว่ามีการอนุญาตให้ประชาชนสามารถประกอบธุรกิจได้โดยรัฐบาลเป็นผู้นำหรือวางแนวทางนโยบาย ปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลยังคงเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ รวมท้ังธนาคาร แต่ธุรกิจเอกชนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีสัดส่วนมากกว่า 50%ของจีดีพีจีนแล้ว
ถึงแม้ว่าจีนจะมีพรรคเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์ แต่คำว่าคอมมิวนิสต์ใช้กับจีน หรือแม้แต่รัสเซียไม่ได้ เพราะว่าขั้นตอนไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ที่ไม่มีชนชั้น ปัจจัยการผลิตทุกอย่าง รวมท้ังที่ดินทำกินเป็นของส่วนรวม มีการผลิตที่เหลือเกินพอ ประชาชนกินดีอยู่ดีตามสังอมอุดมคติ ส่วนในระบบสังคมนิยม ประชาชนยังมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินทำกิน
จากการที่บริษัทต่างชาติยอมเปิดเผยเทคโนโลยีการผลิตให้จีน เพราะว่ามันคุ้มที่จะลงทุนในจีน เพราะถ้าไม่ลงทุนในจีน จะไม่มีความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทอื่นๆที่ลงทุนในจีนได้ ผลก็คือจีนกลายเป็นโรงงานของโลก ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมได้ทุกอย่าง มีระบบซับไพลเชนที่สลับซับซ้อนที่ใหญ่ที่สุด ทำให้มีรายได้เงินตราต่างประเทศเข้ามามากจน ณ เวลาหนึ่งจีนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ$4ล้านล้าน ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ$3.1ล้านล้าน
จีนเป็นคนหัวไว รีบก๊อปปี้เทคโนโลยีแล้วทำของเลียนแบบออกมาขาย ของเหมือนกันคุณภาพเหมือนกันกับแบรนด์ฝรั่งหรือญี่ปุ่น แต่ขายในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า พร้อมกันนั้นจีนส่งนักศึกษาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเมืองนอกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อกลับมาฟื้นฟูประเทศทำให้จีนก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพราะจีนรู้ดีว่า ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองจะไม่มีวันพัฒนาประเทศได้ จะคอยพึ่งพายืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดไปไม่ได้
น่าสังเกตุว่าประเทศไทยไม่ทำอย่างนี้จึงไม่เจริญ ยังไม่มีเทคโนโลยีของตัวเอง
จีนตั้งหน้าตั้งตาโกยเงินอย่างเดียวผ่านการผลิตการส่งออกและการค้า เพื่อดันจีดีพีให้เติบโต จนจีดีพีจีนโตใน%สองหลัก จีดีพีที่โตสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ สร้างงาน สร้างการลงทุนใหม่ๆทำให้รัฐบาลมีเงินเหลือในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนหนทาง ระบบโทรคมนาคม พลังงาน รวมท้ังรถไฟความเร็วสูง และระบบรางที่ครอบคลุมทั้งประเทศ
รัฐบาลท้องถิ่นได้รับนโยบายจากปักก่ิงให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ดันจีดีพีให้สูงเข้าไป กระตุ้นให้ให้เกิดการแข่งขันระหว่างมณฑลต่างๆให้แข่งกันดันการเติบโตของจีดีพี เพราะว่าจีนต้องการวิ่งไล่กวดให้ทันประเทศอื่นในเรื่องการยกระดับการเป็นอยู่ของคนจีน ผ่านการเพิ่มรายได้ ในขณะเดียวกันธุรกิจจีนเริ่มมีการเติบโตเคียงคู่กับธุรกิจของต่างชาติในจีน การผสมผสานกันทางเทคโนโลยี่ทำให้จีนพัฒนาระบบการผลิตอุตสาหกรรมที่ทันสมัย และสามารถขายของได้ถูกและมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นจนแบรนด์จีนไม่รองใครในเวลานี้ ไม่เหมือนในตอนต้นที่สินค้าจีน Made in Chinaถูกดูถูกว่าเป็นกระป๋องราคาถูกจริง แต่เสียง่าย ด้อยคุณภาพ
ตลอดระยะเวลา30ปีที่ผ่านมา รายได้ที่แท้จริงของคนจีนเมื่อหักเงินเฟ้อไปแล้วเพิ่ม4เท่าตัว ในขณะที่สหรัฐแรงงานรายได้แทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อหักเงินเฟ้อ ทำให้สี จิ้นผิงประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าจีนสามารถเอาชนะสงครามความยากจนได้แล้ว คนจนจีน800ล้านคนหลุดจากระดับความยากจนภายในระยะเวลา30-40ปีของการเปลี่ยนแปลง โดยผสมผสานทุนนิยมกับสังคมนิยมแบบจีนๆจนจีนกลายเป็นมหาอำนาจเบอร์2ของโลกในเวลานี้ ในบทต่อไปเราจะดูว่าจีนใช้ระบบลักกะปิดลักกะเปิดอย่างไรในการดำเนินนโยบายทุกอย่างเพื่อคุมเกม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหยวน ระบบการเงิน อินเทอร์เน็ต โซเซียลมีเดีย เพื่อรักษาความมั่นคง และคุมเกมให้อยู่ 2/8/2021
ที่มา: https://www.facebook.com/ThanongFanclub/posts/368909677937023