ธรรมะเชิงประวัติศาสตร์ นิยามของวัฏจักร การสร้างใหม่แล้วทุบทิ้ง เป็นวงกลมไปเรื่อยๆ
ความลำบากจริงๆไม่มีหรอก
ความสุขสบายจริงๆก็ไม่มีหรอก
ก็มีเพียงแค่ความไม่เข้าใจโลกเท่านั้นเอง
ที่ทำให้ต้องลำบาก..ใจ..
วัฏ แปลว่า วงกลม วัฏสงสาร แปลว่า วงกลมที่น่าสงสาร
ผู้ที่ตกอยู่ในวัฏสงสาร แปลว่า ผู้ที่ตกอยู่ในวงกลมที่น่าสงสาร คือวงกลมของการเป็นทาส ความรู้เท่าทันแล้วรู้จักวางอุเบกขาคือนิ่งเฉย เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการออกจากวงกลมของการเป็นทาส
ความร่ำรวยที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึง การมีเงินมาก เพราะถึงรวยอย่างไร คุณก็ไม่มีทางรวยกว่าคนที่มีอำนาจในการพิมพ์เงินได้ อย่างแน่นอน ออกจากความโง่งมงาย ออกจากความหลงว่าตนเองฉลาด กับของพวกนี้ได้แล้ว
สติปัญญาที่รู้เท่าทันอาการของโลกธรรมที่เกิดแก่ตนต่างหาก ที่จะสามารถสร้างความร่ำรวยที่แท้จริงให้คุณได้ นั้นคือ อริยทรัพย์ เป็นทรัพย์เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้คุณสุขสบายข้ามภพข้ามชาติได้ รู้อย่างนี้แล้วก็พึงตัดสินใจ ลด ละ เลิก ความทะเยอทะยานอยาก ความเสียเวลา ความเกินพอดี ในสิ่งที่ไม่ได้นำพาความร่ำรวยที่แท้จริงมาให้คุณได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

17. สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร
สี จิ้นผิงของจีน หรือวลาดิเมียร์ ปูตินของและรัสเซียไม่เคยออกมาพูดอย่างเป็นทางการว่า เงินยูเอสดอลล่าร์กำลังหมดอายุขัยบวไป หรือหมดประโยชน์แล้วในการทำหน้าที่เงินสกุลหลักโลก
ผู้ที่ออกมาพูดว่ายุคของความยิ่งใหญ่ของดอลล่าร์กำลังสิ้นสุดลง และถึงเวลาแล้วที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะร่วมมือกันสร้างเงินสกุลโลกใหม่เพื่อมาทดแทนดอลล่าร์ คือนาย มาร์ค คาร์เนย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษ
นายคาร์เนย์ใช้เวทีสัมนาของธนาคารกลางสหรัฐที่Jackson Hole รัฐไวโอมิงในวันที่ 23 สิงหาคม ปี2019 ที่ผ่านมา เพื่อส่งสัญญานว่า ได้เวลาเอาเงินดิจิตัลโลก (global digital currency)มาแทนดอลล่าร์ เพื่อที่จะแก้ปัญหาเงินฝากล้นระบบ และไม่มีการลงทุนในช่วงเวลา10ปีที่ผ่านมาเนื่องจากเงินเฟ้อต่ำ และดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
เขาบอกว่า สถานการณ์ของดอลล่าร์คล้ายกับเงินปอนด์สเตอร์ลิงที่มีอิทธิพลเหนือตลาดการเงินเมื่อ100กว่าปีมาแล้ว โดยดอลล่าร์มาถึงจุดที่กลายเป็นอุปสรรคของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ทางแก้คือ ให้ประเทศต่างๆร่วมมือกันสนับสนุนเงินดิจิตัลโลกเพื่อที่จะปลดปล่อยดอลล่าร์ที่อยู่ในบัญชีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัฐบาลต่างๆที่สำรองเอาไว้เวลายามยาก ให้มีการเอาออกมาใช้
คาร์เนย์บอกว่า เงินดอลล่าร์ไม่สามารถทำหน้าที่เงินสกุลโลกได้อีกต่อไป เนื่องจากมันจะสร้างความไร้เสถียรภาพในระบบการเงินโลกที่กำลังเผชิญกับกับดักสภาพคล่องจากภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำ และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังถูกจัดระเบียบใหม่ แต่เงินดอลล่าร์กงเต็กยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่ระบบเบรดตันวูดส์พังทะลายในปี 1971จากสหรัฐยกเลิกการผูกค่าดอลล่าร์กับทองคำทำให้ดอลล่าร์กลายเป็นเงินกระดาษ
นายคาร์นีย์บอกว่า กลุ่มประเทศเกิดใหม่ได้เพิ่มส่วนแบ่งกิจกรรมของเศรษบกิจโลกเป็น 60% จาก 45% ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อสิบปีก่อน
แต่เงินดอลลาร์ยังคงถูกใช้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการสั่งซื้อสินค้าระหว่างประเทศ - มากกว่าส่วนแบ่งการนำเข้าสินค้าโลกถึงห้าเท่าของสหรัฐฯ - กระตุ้นให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ดอลล่าร์และทำให้หลาย ๆ ประเทศต้องรับความเสี่ยงของการผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ผลพวงจากปัญหาระบบการเงินที่มีดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักทำให้เกิดลัทธิกีดกันการค้า และนโยบายประชานิยมขึ้นในโลก
นายคาร์นีย์เตือนว่า ความไม่สมดุลของอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาเหมือนกับที่โลกกำลังเผชิญในเวลานี้สอดคล้องกับการเกิดสงคราม วิกฤตการณ์ทางการเงิน และการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในระบบธนาคาร
ทางออกที่คาร์นีย์เสนอคือให้ประเทศต่างๆใส่เงินเข้าไปเพิ่มทุนให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเงิน$3ล้านล้าน ซึ่งจะเป็นการดีกว่าที่แต่ละประเทศจะปกป้องระบบการเงินของตัวเองด้วยการถือครองหนี้หรือพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ
วิธีการนี้จะเป็นการสร้างระบบการเศรษฐกิจโลกแบบหลายขั้ว ที่จำเป็นต้องมีระบบการเงินระหว่างประเทศที่สมบูรณ์ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือIMFจะเป็นผู้ออกเงินดิจิตัล ซึ่งนายคาร์นีย์เรียกว่าSynthetic Hegemonic Currency
แม้ว่ามีแนวโน้มที่เงินหยวนของจีนจะมีศักยภาพที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกต่อไปเพื่อแข่งกับดอลล่าร์ แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่
ทางออกที่ดีที่สุดคือระบบการเงินแบบหลายขั้วที่หลากหลาย โดยที่ให้IMFเป็นเจ้ามือ และเทคโนโลยีสามารถเอามาใช้ในการสร้างเงินดิจิตัลได้
ค่อนข้างจะชัดเจนว่าอังกฤษสร้างดอลล่าร์ได้ และเมื่อดอลล่าร์หมดประโยชน์อังกฤษก็สามารถฆ่าดอลล่าร์ได้ เพื่อรักษาอำนาจในการควบคุมระบบการเงินโลกต่อไปผ่านIMFที่อังกฤษมีอำนาจเหนือ
อังกฤษครองโลกมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18ผ่านลัทธิล่าอาณานิคม และใช้เงินปอนด์เป็นเงินสกุลหลักของโลก เนื่องจากอังกฤษเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ หรือมีจำนวนประชาชนมาก จำเป็นต้องใช้ดินแดนของโลกใหม่เป็นแหล่งวัตถุดิบ และตลาด และหนุนให้อังกฤษเป็นมหาอำนาจโลกทางเศรษฐกิจ
อังกฤษเป็นเกาะที่มีความรู้สึกแปลกแยกมาตลอดกับยุโรปแผ่นดินใหญ่ โลกใหม่ของทวีปอเมริกาเหนือหรือนิวเวิร์ลด์ จึงกลายเป็นนิวแอทแลนตีสของอังกฤษที่ต้องการแยกร่างทรง เพื่อว่าจะใช้อเมริกาเหนือเป็นฐานเพื่อกลับมาครอบงำยุโรป หรือโลกใบนี้อีกต่อหนึ่ง
แผนการสร้างนิวแอทแลนติสดำเนินมาตั้งแต่ควีนเอลิซาเบทที่1 (คศ 1533- 1603) มาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยควีนวิคเตอเรีย ( คศ 1819-1901 ) ที่อังกฤษมีดินแดนมากมายบนโลกจนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินและต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน
อังกฤษจึงเปรียบเหมือนมังกร7หัว ฆ่าไม่ตาย แม้ว่าหัวหนึ่งจะถูกตัดขาด แต่ยังมีอีก6หัวที่มีฤทธิ์แยกเขี้ยวอาละวาดฟาดหางได้ ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิอังกฤษจึงไม่เคยเสื่อม
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2อังกฤษรู้ดีว่า ไม่สามารถรักษาอาณานิคมได้อีกต่อไป เพราะว่าต้องใช้ทหาร และกำลังพลเป็นจำนวนมากในการดูแลอาณานิคมไม่ให้กระด้างกระเดื่อง เมื่อไม่สามารถรักษาอาณานิคมได้ จะรักษาปอนด์ให้เป็นเงินสกุลหลักของโลกไม่ได้อีกต่อไปเหมือนกันจึงได้ส่งเสริมให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทน และปล่อยให้อาณานิคมได้รับเอกราช แต่หันมาควบคุมประเทศอาณานิคมเหล่านี้แบบแยบยลผ่านระบบคอมมอนเวลท์ (Commonwealth)
ระบบการเงินของสหรัฐตกอยู่ในมือของอังกฤษ และพวกอิลิทยุโรป จากการที่อังกฤษสามารถเข้าไปตั้งธนาคารกลาง หรือUS Federal Reserveได้ในปี 1913 แม้ว่าจะล้มเหลวในความพยายามที่จะตั้งธนาคารกลางอีแร้ง2ครั้งในศตวรรษที่ 19 เพราะว่าตั้งแล้วก็อยู่ได้ไม่นาน คนอเมริกันไม่เอา เพราะว่าอยู่ดีๆจะให้นายธนาคารมาผูกขาดการพิมพ์ดอลล่าร์ได้อย่างไร กฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐกำหนดชัดเจนว่า มีเพียงสภาคอนเกรซเท่านั้นที่มีอำนาจในการออกเงินตรา
เมื่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐที่เอกชนวอลล์สตรีท และสถาบันการเงินของยุโรปเป็นผู้ถือหุ้นได้ อังกฤษจึงสามารถควบคุมระบบการเงินของสหรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนเงินปอนด์ ผ่านระบบBretton Woods หรือระบบมาตรฐานทองคำโดยให้ดอลล่าร์ผูกกับทองคำ ในเวลานั้น สหรัฐมีทองคำสำรอง26,000ตัน หรือ1ใน 3ของโลก ก่อนหน้าสงครามโลกจะเกิด มีขบวนการลับที่เจ้ากี้เจ้าการขนเอาทองจากยุโรปและประเทศต่างๆทั่วโลกมากองบนหน้าตักของธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อที่จะสร้างภาพว่าสหรัฐมั่งคั่งที่สุดในโลก และเงินดอลล่าร์จะเป็นเงินสกุลโลกใหม่ที่มีความมั่นคงมากที่สุด แสดงว่าพันธมิตรยุโรปรู้ว่าจะชนะสงครามโลกก่อนสงครามโลกจะเกิดด้วยซ้ำ จึงมีการเตรียมการให้ดอลล่าร์ขึ้นมาทำหน้าที่เงินสกุลโลกแทนเงินปอนด์
เงินสกุลต่างๆทั่วโลกเมื่อผูกกับดอลล่าร์ที่ผูกกับทองคำอีกต่อหนึ่งในระบบมาตรฐานทองคำของBretton Woodsจึงกลายเป็นเงินบริวารของสหรัฐ เท่ากับว่าเงินสกุลทั่วโลกที่ผูกกับดอลล่าร์จะผูกกับทองคำทางอ้อมในระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบคงที่ เพราะว่าค่าเงินผูกกับทองคำทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวน้อยมาก ในขณะเดียวกันระบบนี้สร้างวินัยการเงินการคลังของแต่ละประเทศไม่ให้เพิ่มปริมาณเงินมากกว่าทองคำสำรองที่ถืออยู่
แต่อย่างที่ได้บรรยายในบทก่อนหน้านั้น สหรัฐมีการใช้จ่ายงบประมาณเกิน ตัวเพื่อรักษาความเป็นจักรวรรดิแทนอังกฤษ ทำให้ต้องพิมพ์ดอลล่าร์ออกมามากเกินกว่าสำรองทองคำ ทำให้เจ้าหนี้ หรือผู้ถือดอลล่าร์ไม่มั่นใจ เอาดอลล่าร์ไปขึ้นทองคำ สหรัฐกลัวทองคำจนหมดตู้เชฟ เพราะมีแต่ธนาคารกลางเอาดอลล่าร์มาแลกคืน จึงมีการให้ประธานาธิบดีนิกสันออกมาประกาศเบี้ยวหนี้ในเดือนสิงหาคม ปี 1971 โดยนิกสันบอกว่าใครถือดอลล่าร์ให้ถือต่อไป แต่จะเอามาแลกทองคำไม่ได้ เพราะว่าขอปิดหน้าต่างโรงรับจำนำแลกทองชั่วคราว คำว่าชั่วคราวดำเนินมาถึงตอนนี้50ปีแล้ว
ในปีเดียวกันนั้น รมว คลังสหรัฐ นายJohn Connally กล่าวในเวทีประชุมกลุ่มG-10ที่กรุงโรมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดอลล่าร์ของสหรัฐอย่างรุนแรง โดยบอกว่าดอลล่าร์เป็นเงินตราของเรา แต่มันเป็นปัญหาของคุณ (The dollar is our currency, but it is your problem.) หมายความว่าดอลล่าร์เป็นเงินของผม แต่คุณเสือกโง่ไปใช้เอง
แต่เมื่อดอลล่าร์ไม่มีทองคำหนุนหลังจะยืนขาลอยอย่างนี้ได้ไม่นาน สหรัฐจึงมีนโยบายเอาบ่อน้ำมันของซาอุฯมาหนุนดอลล่าร์ ด้วยการให้ซาอุฯและประเทศตะวันออกกลางขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์แลกกับการให้การคุ้มครองความมั่นคงและจะขายอาวุธให้ราคาย่อมเยาว์ ทุกประเทศจำต้องใช้น้ำมัน จึงต้องสำรองดอลล่าร์เพื่อซื้อน้ำมันทำให้เกิดดีมานด์เทียมสำหรับดอลล่าร์
เท่านั้นไม่พอสหรัฐสร้างญี่ปุ่น เยอรมัน และประเทศต่างๆให้เข้าสู่ระบบอุตสาหกกรรมเพื่อการส่งออก จะได้ขายของไปยังตลาดสหรัฐ เมื่อขายได้ดอลล่าร์มาก็ให้รีไซเกิ้ลดอลล่าร์นี้กลับไปยังสหรัฐด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทำให้สหรัฐใช้จ่ายงบประมาณเกินตัวได้ในการรักษาจักรวรรดิ ดอลล่าร์รีไซเกิ้ลจึงเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการยืดอายุดอลล่าร์ผ่านการสร้างดีมานด์เทียม และทุกประเทศต้องใช้ดอลล่าร์ในการค้าขายหรือทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
จีนจึงเป็นเด็กสร้างที่สำคัญที่สุดของสหรัฐในการต่อยอดดอลล่าร์รีไซเกิ้ล แต่ดอลล่าร์รีไซเกิ้ลนี้กำลังจะไปต่อไม่ได้ เพราะว่าสหรัฐมีการสร้างหนี้ หรือพิมพ์เงินเพิ่มยิ่งมากกว่าเดิม โดยไม่คำนึงถึงวินัยการเงินการคลังทำให้ความเชื่อมั่นในดอลล่าร์ลดลง ยิ่งมีเรื่องกับรัสเซียและจีนทำให้มีการดั้มดอลล่าร์
เพื่อที่จะคุมระบบการโลกต่อไป แทนที่จะใช้สหรัฐเหมือนเดิม อังกฤษและพวกอิลิทยุโรปจึงเลือกใช้IMFแทน โดยIMFจะออกเงินSDRดิจิตัล โดยมีเงินกองทุน$3ล้านล้านบนหน้าตัก นายคาร์เนย์ได้รับมอบหมายให้ออกมาส่งสัญญานเพื่อเตือนว่า เวลาของดอลล่าร์กำลังจะจบลง เพื่อว่าจะได้สร้างเงินสกุลโลกใหม่มาแทนดอลล่าร์ โดยที่อังกฤษและอิลิทโลกยังคงคุมเกมการสร้างเงินสกุลโลกใหม่อยู่ เพราะว่าผู้ใดคุมเงินสกุลหลักของโลก หรือเขียนกฎเกณฑ์ของระบบการเงินโลก ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ครองโลก 7/8/2021
ที่มา: https://www.facebook.com/ThanongFanclub/posts/372318267596164