ธรรมะเชิงประวัติศาสตร์ นิยามของวัฏจักร การสร้างใหม่แล้วทุบทิ้ง เป็นวงกลมไปเรื่อยๆ
ความลำบากจริงๆไม่มีหรอก
ความสุขสบายจริงๆก็ไม่มีหรอก
ก็มีเพียงแค่ความไม่เข้าใจโลกเท่านั้นเอง
ที่ทำให้ต้องลำบาก..ใจ..
วัฏ แปลว่า วงกลม วัฏสงสาร แปลว่า วงกลมที่น่าสงสาร
ผู้ที่ตกอยู่ในวัฏสงสาร แปลว่า ผู้ที่ตกอยู่ในวงกลมที่น่าสงสาร คือวงกลมของการเป็นทาส ความรู้เท่าทันแล้วรู้จักวางอุเบกขาคือนิ่งเฉย เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการออกจากวงกลมของการเป็นทาส
ความร่ำรวยที่แท้จริง ไม่ได้หมายถึง การมีเงินมาก เพราะถึงรวยอย่างไร คุณก็ไม่มีทางรวยกว่าคนที่มีอำนาจในการพิมพ์เงินได้ อย่างแน่นอน ออกจากความโง่งมงาย ออกจากความหลงว่าตนเองฉลาด กับของพวกนี้ได้แล้ว
สติปัญญาที่รู้เท่าทันอาการของโลกธรรมที่เกิดแก่ตนต่างหาก ที่จะสามารถสร้างความร่ำรวยที่แท้จริงให้คุณได้ นั้นคือ อริยทรัพย์ เป็นทรัพย์เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้คุณสุขสบายข้ามภพข้ามชาติได้ รู้อย่างนี้แล้วก็พึงตัดสินใจ ลด ละ เลิก ความทะเยอทะยานอยาก ความเสียเวลา ความเกินพอดี ในสิ่งที่ไม่ได้นำพาความร่ำรวยที่แท้จริงมาให้คุณได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

26. สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร
มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก หรือยอมรับไม่ได้สำหรับชาติมหาอำนาจตะวันตก หรือคนผิวขาวที่จะเห็นจีนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นคนผิวเหลืองก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก เพราะความมั่งคั่งที่เคยกินรวบมาตลอดจะทำไม่ได้เหมือนเดิม
การผงาดของจีนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างลอยๆ แต่มาจากรากฐานของอารยะธรรม5,000ปี ผสมผสานของคนจีนสมัยใหม่ที่เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต อาศัยความอดทน ความอุตสาหะ ความเฉลียวฉลาดในการเรียนรู้ประยุกต์ และการพัฒนาสร้างชาติใหม่ เพื่อลบความอดสูในอดีตที่จีนถูกชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างย่ิงอังกฤษและญี่ปุ่นเหยียบย่ำจนล่มสลาย
ที่สำคัญ จีนจะเป็นมหาอำนาจโดยไม่ได้ก่อสงครามที่ต้องมีการสูญเสียเลือดเนื้อและทรัพย์สิน ต่างกับมหาอำนาจที่ผ่านมาที่ส่วนมากขึ้นมามีอำนาจผ่านการสงครามแทบท้ังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา สเปน โปรตุเกส
จุดแข็งของจีนอยู่ที่การมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง (cultural identity) ประชากรส่วนมากของจีนเรียกตัวเองว่าเป็นชาวฮั่น แม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่ใหญ่มีหลายเผ่าพันธุิ์ก็ตาม จะเห็นได้ว่าเมื่อจีนถูกราชวงศ์มองโกลยึดครอง หรือถูกพวกแมนจูแห่งราชวงศ์ชิงปกครอง แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของจีนได้ มิหนำซ้ำกลับถูกวัฒนธรรมจีนกลืนในที่สุด
บางคนบอกว่า จีนไม่ได้เป็นรัฐ (state)เหมือนอย่างแนวคิดตะวันตก แต่เป็นรัฐอารยะธรรม (civilization state) รัฐของโลกตะวันตกไม่ได้เป็นที่ยอมรับอย่างเคร่งครัด ถูกท้าทายตลอดจากอำนาจของกษัตริย์ พวกขุนนาง ศาสนจักร พ่อค้า ประชาชน ทำให้การรวมตัวเพื่อสร้างรัฐมีความเปราะบางในตัว ส่วนรัฐอารยธรรมของจีนมีความเป็นอาญาสิทธิ์ เป็นผู้ดูแลอารยะธรรมหรือเผ่าพันธุ์ ประชาชนเชื่อฟังในระดับจิตวิญญาณ
ด้วยเหตุนี้การก้าวขึ้นไปเป็นมหาอำนาจโลกของจีนจึงตั้งอยู่บนรากฐานของอารยะธรรมจีนที่ดำเนินมาต่อเนื่องกว่า5,000ปี เผ่าพันธุ์ที่มีความเข้มแข็งจากการผสมผสานกลมกลืนกัน และความเป็นรัฐอารยะธรรม
ส่วนสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะตั้งประเทศได้ในปี 1776หลังสู้รบได้เอกราชจากอังกฤษ อารยะธรรมของสหรัฐเป็นอารยะธรรมที่ได้จากการผสมผสานจากยุโรป เคยเป็นบ้านป่าเมืองเถือนมาก่อน ได้ดินแดนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุิ์ชาวพื้นเมืองอินเดียนแดง
มาวันนี้ นายAnthony Blinken รมว ต่างประเทศของสหรัฐบอกว่า จีนเป็นภัยต่อระเบียบโลกที่มีกฎเกณฑ์ (rules-based international order) เสรีนิยม สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย ซึ่งเป็นวาทะกรรมที่ฟังแล้วดูดี แต่แท้ที่จริงแล้วถูกใช้เป็นข้ออ้างของสหรัฐและมหาอำนาจตะวันตกในการรุกรานประเทศอื่นทั้งนั้น เพื่อยึดครองทรัพยากรธรรมชาติ สหรัฐใช้มือเขียนกฎเกณฑ์ได้ ก็สามารถใช้เท้างบสิ่งที่เขียนได้ เนื่องจากสหรัฐบอกว่าตัวเองเป็นประเทศที่มีสิทธิพิเศษ (Exceptionalism)จะทำอะไรก็ได้ เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้พิทักษ์ระเบียบโลกเสรีนิยมในปัจจุบัน
ส่วนจีนสมัยใหม่ยอมรับว่าไม่ได้เป็นเสรีนิยมประชาธิปไตย แต่เป็นสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะอย่างของจีน และจีนจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศใด ไม่รุกรานใคร และพร้อมที่จะคบทุกชาติเป็นมิตรเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าไปด้วยกัน
จีนไม่เห็นด้วยที่กลุ่มแองโกลอเมริกันจะผูกขาดอำนาจ หรือระเบียบโลกแต่ผู้เดียว เพราะว่าในโลกนี้มีอยู่หลายประเทศ และแต่ละประเทศสามารถที่จะมีแนวทางเดินไปข้างหน้าของตัวเองได้ หรือสามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจโลกขั้วเดียวของกลุ่มแองโกลอเมริกันได้ ที่ผ่านมาประเทศใดที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ขัดกับวอชิงตัน จะถูกส่งออกประชาธิปไตย หรือล้มล้างการปกครอง
จีนจับมืออย่างเหนียวแน่นกับรัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือในการท้าทายระเบียบโลกเสรีของโลกตะวันตก จึงถูกสร้างภาพให้เป็นผู้ร้าย
นอกจากเรื่อง การเมืองระหว่างประเทศ การเงิน เทคโนโลยี ความมั่นคงและการทหารแล้ว สหรัฐกับจีนกำลังแข่งกันในเรื่องโมเดลทางเศรษฐกิจและการปกครอง สหรัฐใช้ระบบทุนนิยม ที่เอาทุนหรือเงินเป็นตัวตั้ง ผู้ที่มีทุนคือนายทุน หรือพวกแบ็งเกอร์วอลล์ตรีท (Wall Street)และบริษัทที่มีขนาดใหญ่ (Corporates)ที่มุ่งกอบโกยผลกำไรอย่างเดียว เมื่อมีเงินจึงมีอำนาจเหนือรัฐ หรือเหนือพรรคการเมือง2พรรค ท้ังรีพับบีลกันและเดโมแครต ส่วนผลประโยชน์ของประชาชนมาทีหลัง ความเป็นรัฐของสหรัฐจึงไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่า ตั้งขึ้นมาจากทุนของพวกแบ็งเกอร์และคอร์ปอเรท ประธานาธิบดีสหรัฐจึงไม่ได้มีอำนาจอะไร เพนตากอน หรือหน่วยงานความมั่นคงต้องการอะไร ทำเนียบขาว หรือสภาคอนเกรซต้องรีบสนอง ประชาชนที่เลือกตั้งประธานาธิบดี หรือผู้แทนในสภาจึงได้แต่ผู้ที่เข้ามารับใช้ดีบสเตท (Deep State) หรือรัฐบาลเงา
สหรัฐใช้ระบบทุนนิยม การค้าเสรี การเงินเสรี แต่เอาเข้าจริงวอลล์สตรีท และคอร์ปอเรตผูกขาดทุนและปัจจัยการผลิตและอำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบธนาคารกลางและธนาคารพานิชย์ ทำให้นโยบายของรัฐบาลสหรัฐที่ออกมามุ่งที่เอื้อผลประโยชน์ของนายทุน
ที่ผ่านมาประชาชนคนอเมริกันได้ประโยชน์จากทุนนิยมทำให้มีมาตรฐานการครองชีพที่ดีมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เพราะว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากร มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นมหาอำนาจทางทหารทำให้สามารถตักตวงทรัพยากรจากประเทศอื่นได้
เมื่อเวลาผ่านไป มีการสร้างทุนนิยมการเงินเพื่อเพ่ิมความมั่งคั่ง และย้ายโรงงานออกนอกประเทศทำให้ความมั่งคั่งตกอยู่ในมือนายทุนมากยิ่งขึ้น ส่วนชนชั้นกลางที่เป็นเสาหลักของประเทศกลับจะมีรายได้ที่ลดลงเมื่อหักเงินเฟ้อ ไม่ต้องพูดถึงชนชั้นล่างที่ต้องทำงานหนักมากเพื่อมาจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ความเหลื่อมล่ำในสหรัฐจึงถ่างออกไปเรื่อยๆจนคนรวยเพียงหยิบมือเดียวครอบครองความมั่งคั่ง80%ของประเทศ
ถ้าสหรัฐมีการแบ่งปัน หรือจัดสรรความมั่งคั่งให้ทั่วถึง คนอเมริกันส่วนใหญ่จะมั่งมีมาก เพราะว่าความมั่งคั่งของโลกในเวลานี้อยู่ที่สหรัฐเป็นส่วนมาก
สหรัฐเข้าสู่ยุคเสื่อมเนื่องจากใช้ระบบทุนนิยมที่นายทุนผูกขาดในระบบเศรษฐกิจที่มีค่าใช้จ่ายสูง และสร้างความเหลื่อมล้ำ ในขณะเดียวกันรัฐดำเนินนโยบายก่อหนี้เพื่อการใช้จ่ายเกินตัวในด้านการทหารที่ต้องดูแลฐานทัพ800กว่าแห่ง และดูแลประชาชนด้านสวัสดิการสังคม ทำให้นายทุนรวยฝ่ายเดียว ส่วนรัฐบาลมีแต่หนี้ และประชาชนส่วนใหญ่ต้องก่อหนี้เหมือนกันเพื่อที่จะรักษามาตรฐานการครองชีพไม่ให้ตกต่ำ เมื่อเวลาผ่านไปภาพนี้จะค่อยๆชัดขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันรัสเซียตามสหรัฐทันในด้านแสนยานุภาพทางทหาร ส่วนจีนกำลังไล่กวดหายใจรดต้นคอด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
ส่วนโมเดลของจีนเป็นโมเดลสังคมนิยม หมายถึงการบริหารประเทศผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ไม่ใช่ทุน หรือนายทุนมาก่อน โดยมีรัฐเป็นผู้ดูแลจัดระเบียบ พรรคคอมมิวนิสต์อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอีกต่อหนึ่ง โดยมีอำนาจเด็ดขาดในแนวอำนาจนิยม (authoritarianism) ในการวางรากฐานการพัฒนาประเทศ แก้ปัญหาความยากจน สร้างให้จีนมีการพัฒนาเคียงบ่าเคียงไหล่มหาอำนาจอื่นๆ
ความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์หรือรัฐบาลจีนจึงวัดกันที่การดูแลผลประโยชน์ของประชาชนจีน1,400ล้านคน นึกภาพเอา ถ้าบริหารประเทศไม่ดี เพียงแค่ประชาชน10ล้านคนไม่เอาด้วย รัฐบาลจีนก็อยู่ไม่ได้ พรรคก็อยู่ไม่ได้ การดูแลประชาชน1,400จึงเป็นความท้าทายที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนรัฐสิงคโปร์ที่มีประชาชนไม่กี่ล้านคน ดูแลง่ายกว่ามาก
จีนอยู่ในช่วงการสร้างชาติ อะไรหลายอย่างจึงยังไม่ลงตัว ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20จีนที่เคยมั่งคั่งที่สุดในโลกกลายเป็นประเทศที่ติดลบ เพราะถูกล่าอาณานิคมโดยชาติมหาอำนาจตะวันตก และสงครามกลางเมือง เหมา เจ๋อตุงที่ตั้งประเทศจีนใหม่ในปี 1949ต้องคอยแก้ปัญหาหลัก4อย่างของจีนคือ อดตาย หนาวตาย น้ำท่วมตาย ฆ่ากันตาย มาสมัยเติ้งถึงได้ปรับเปลี่ยนนโยบายเปิดประเทศ ผสมผสานสังคมนิยมกับทุนนิยม แต่โดยภาพรวมเน้นการแก้ปัญหาความยากจน และเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง การเผื่อแผกัน
การต่อสุ้ระหว่างโมเดลทุนนิยมของสหรัฐ และโมเดลสังคมนิยมของจีนจะเป็นที่จับตาดูของทุกประเทศ เพื่อว่าจะได้ปรับแนวทางการบริหารประเทศของตัวเองให้ถูก หรือให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ทุนนิยมแบบรวยเร็ว รวยกระจุกตัว ดูดีในระยะแรก แต่นานวันมีแต่ทิ้งปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนให้คนหมู่มาก หรือสังคมนิยมที่ไร้ประสิทธิภาพ ปิดตัวเอง ไม่เชื่อมโยงกับโลกภายนอก ไม่มีเทคโนโลยี เคร่งในคัมภีร์จนไม่มองโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งจีนสามารถสร้างสังคมนิยมใหม่ ลบล้างสังคมนิยมที่ล้มเหลวสมัยเหมา และสมัยสหภาพโซเวียตเนื่องจากมีความยืดหยุ่น เรียนรู้ความผิดพลาดของอดีต และมีความสามารถในการประยุกต์ โดยเอาประเทศเป็นตัวตั้ง
13/8/2021
ที่มา: https://www.facebook.com/ThanongFanclub/posts/376167023877955